ผักงูเขียว หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “ผักกาดหอมของจีน” ผักชนิดนี้เป็นพืชเมืองหนาวที่สามารถพบได้ในเชิงเขาชางซาน เมืองต้าหลี่ มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ลำต้นมีลักษณะเรียวยาวทรงกระบอก สามารถนำมากินสด ๆ หรือนำไปประกอบอาหารได้เลย
ซึ่งวิธีการทำจะปอกเปลือก ของลำต้นแล้วนำมา กรีดเป็นเส้น ๆ ยาว ๆ ลักษณะของ เนื้อข้างในจะเป็นสีเขียว บาคาร่า ฝาก ถอนไม่มีขั้นต่ำ อีกอย่าง ผักชนิดนี้สามารถถนอมอาหาร โดยการนำไปตากให้แห้ง หากจะนำมาประกอบอาหารต้องแช่น้ำก่อน ประมาณสามชั่วโมง แล้วมันจะพองตัวคล้ายกับงูสีเขียว ที่ไทยจึงเรียกว่าผักงูเขียวนั่นเอง
รสชาติ และ ประโยชน์ของ ผักงูเขียว
เนื้อสัมผัสของผักงูเขียวจะกรุบ ๆ กรอบ ๆ รสชาติจืด ทั้งยังมีวิตามินอี และ คุณค่าทางอาหารสูง ช่วยให้กระเพาะอาหารแข็งแรงขึ้น ,ลดอาการท้องอืด ,ปรับสมดุลความดันเลือด ,ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ,ขับปัสสาวะ ,ขับความร้อนในร่างกาย และ ขับสารพิษได้อีกด้วย
ผักงูเขียวสามารถทำเมนูอะไรได้บ้าง
ผักก๊งฉ่ายสามารถกินได้แบบไม่ต้องปรุงสุก หรืออาจจะต้ม ยำ ผัด ลวก ซึ่งส่วนใหญ่ในไทยเราจะนิยมนำมาประกอบอาหาร เช่น ส้มตำ (ใช้แทนเส้นมะละกอ) ,ยำ ,หม่าล่า ,ชาบู หรือ อาหารเมนูอื่น ๆ ผัก งูเขียว SET นอกจากจะกินแล้วฟินกับความกรุบกรอบของมัน ยังสามารถนำไปประกอบอาหารในเมนูได้หลากหลายเมนู
สูตร ตำผักงูเขียว สุดแซ่บ
วัตถุดิบในการทำตำผักงูเขียว
- ก๊งฉ่าย (ผัก งูเขียว)
- กุ้งสด หรือ กุ้งสุก
- น้ำตาลปี๊บ
- พริกแดงจินดา
- กระเทียม
- น้ำปลาร้า
- พริกแห้ง
- ผงนัว
- มะเขือเทศ
- มะนาว
วิธีการทำตำผักงูเขียว
- เตรียมอุปกรณ์ในการทำส้มตำให้พร้อม แล้วใส่กระเทียม, พริกแห้ง, พริกแดงจินดา จากนั้นก็ตำให้พริกแตก ไม่ต้องละเอียดมาก
- ใส่ผงนัว, น้ำตาลปี๊บ, มะเขือเทศ, บีบมะนาวลงไป แล้วใส่น้ำปลาร้า จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ใส่กุ้งสด หรือกุ้งสุก และไอเทมลับอย่างก๊งฉ่าย (ผัก งูเขียว) ซึ่งขาดไม่ได้ จากนั้นก็ตำแล้วพร้อมเสิร์ฟ
ใส่ความเห็น